วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2552

เคล็ดลับหุ่นสวย


ใครว่าการรักษารูปร่างให้ดูดี ไม่อ้วนเป็นพะโล้นั้น เป็นเรื่องที่ยากแล้ว ล่ะก็ เรามีคำแนะนำ ที่ช่วยควบคุมน้ำหนักให้อยู่หมัดได้ไม่ยากเลย

1. หมั่นเดิน แค่การก้าวเท้าเดิน ให้ได้วันละ 20-60 นาที หากทำไม่ได้ทุกวัน ขอแค่ สัปดาห์ละ 3 ครั้ง ถ้าขี้เกียจนัก แต่ที่แน่ ๆ ช่วยเผาผลาญไขมัน และยัง กระตุ้นการทำงานของหัวใจ ทำให้หุ่นสวยคงที่คงวา และหัวใจแข็งแรง หลอดเลือดสะอาดสะอ้าน ไม่มีไขมันมาเกาะตัว

2. ทำจิตใจให้สดใส คนที่อารมณ์ดี มีความสุข รู้จักปล่อยวาง หรือทำจิตใจให้ผ่อนคลาย มัก ควบคุมน้ำหนักตัวได้ดีกว่า คนที่เครียดหนัก หรืออารมณ์แปรปรวนง่าย ซึ่งมักชดเชยด้วยการบริโภคอย่างหนัก จนมีปัญหาเกี่ยวกับน้ำหนักตัว ตามมา

3. เพิ่มอาหารประเภทไฟเบอร์ อาหารประเภทไฟเบอร์ ซึ่งหาได้จากผักและผลไม้ ช่วยลดการดูดซึมไขมัน จากอาหารเข้าสู่ร่างกาย เนื่องจากเส้นใยอาหาร จะไปทำหน้าที่อุ้มน้ำ อุ้มไขมัน อุ้มแบคทีเรียในลำไส้ ทำให้อุจจาระเคลื่อนตัวเร็ว ไม่เกิดการหมักหมม ในลำไส้ และเร่งการขับถ่ายไขมันออกจากร่างกาย จึงทำให้ไม่อ้วนค่ะ แต่อย่าลืมดื่มน้ำให้มาก ๆ ด้วย เพราะการรับประทานอาหารประเภท ไฟเบอร์ ร่างกายต้องดูดซึมน้ำไว้มาก เพื่อช่วยในการย่อย

4. เน้นอาหารที่ช่วยเร่งการเผาผลาญพลังงาน มีงานวิจัยระบุว่า สารอาหารที่พบในพริกและชาเขียว มีส่วนช่วยในการ เร่งการเผาผลาญไขมัน อย่างนี้จึงควรเน้นอาหารรสจัด หรือชาเขียวร้อน ๆ หลังมื้ออาหารสักถ้วย จะช่วยควบคุมไขมันส่วนเกิน ไม่ให้เป็นปัญหา กับคุณได้

5. อย่ากินจนอิ่มเกิน หัดฟังเสียงร้องทุกข์จากท้องของคุณบ้าง เมื่อไหร่ที่รู้สึกอิ่ม ก็จงปฎิเสธ ที่จะหยิบอาหารเข้าปาก แม้ว่าจะน่าหม่ำสักแค่ไหนก็ตาม

6. อย่าใช้อาหารเป็นรางวัล เรามักเคยชินกับการเลี้ยงฉลองมื้อโต ให้กับความสำเร็จในด้านต่าง ๆ ลองเปลี่ยนเป็นของรางวัลอย่างอื่นดู เช่น น้ำหอม หนังสือดี ๆ ซีดีเพลง หรือกระเป๋าใบเก๋ ๆ ซึ่งไม่ทำร้ายหุ่นสวย ๆ ของคุณ

7. ปรับปรุงท่าทาง การยืนตัวตรง ยืดตัวขึ้น ไม่เพียงทำให้คุณดูดี มีความมั่นใจขึ้น แต่ ยังทำให้ดูผอมเพรียวลงด้วย

8. สร้างภาพลักษณ์ที่งาม ๆ การหมั่นปรับปรุงภาพลักษณ์ของตนเองให้ดูดีอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น การแต่งตัว แต่งหน้า หรือทรงผม จะช่วยให้มีกำลังใจที่จะรักษารูปร่าง เพราะเมื่ออยากใส่เสื้อผ้าสวย ๆ ขืนปล่อยตัวให้อ้วนเป็นหมูตอน ก็คงจะสวยได้ยาก

9. อย่าปล่อยตัวให้เหงาใจ คนที่รู้สึกเบื่อ หรือเหงา ไม่ว่าจะด้วยเหตุรักเป็นพิษหรือไม่ก็ตาม ควรหาอะไรทำ อย่าปล่อยให้ว่าง จนต้องคว้าอาหารเข้าปากให้หายกลุ้ม ซึ่งอาจช่วยเอ็นจอยปากได้ชั่วครู่ แต่หุ่นเสียถาวร ก็คงไม่คุ้มกัน ลองหาอย่างอื่นทำ ที่ไม่ทำร้ายรอบเอวของคุณ เช่น วาดภาพ ปลูกต้นไม้ หรือจัดห้อง จัดตู้เสื้อผ้าเสียใหม่

10. อย่ากังวลจนเกินไป การมีรูปร่างที่สวยนั้น ไม่ได้หมายความว่า ต้องผอมแห้งอย่างนางแบบ แต่ควรจะสวยอย่างสาวสุขภาพดี และที่สำคัญถ้าคุณรู้สึกดูดี มีความสุข มีความมั่นในในรูปร่างของตัวเอง ก็ไม่จำเป็นต้องไปแคร์ว่า คุณจะ อ้อนแอ้นอรชรน้อยกว่าแม่สาวเกว็นเน็ธ

บทความทางวิชาการ


ความหมายของการวิจารณ์

"วิจารณ์" ถ้าแปลตามรูปศัพท์ หมายถึง การไตร่ตรอง การไตร่ตรอง การตรวจตรา ซึ่งเป็นคำที่บัญญัติขึ้นใช้แทนคำว่า "Criticism" ในภาษาอังกฤษคำ "วิจารณ์" นั้นได้มีผู้อธิบายความหมายไว้ต่างๆ กัน แต่จะสรุปความให้เข้าใจง่าย และได้ความหมายมากที่สุด ดังที่ ดร.วิทย์ ศิวศริยานนท์ กล่าวไว้ในหนังสือวรรณคดีและวรรณคดีวิจารณ์ว่า การวิจารณ์ที่แท้ คือ การพิจารณาลักษณะของบทประพันธ์ แยกแยะส่วนประกอบที่สำคัญ และหยิบยกออกมาแสดงว่าไพเราะและงดงามเพียงไร วิเคราะห์ความหมายบทประพันธ์นั้น ถ้าความหมายซ่อนเร้นอยู่ ก็ใช้ปัญญาหยั่งให้เห็นทะลุปรุโปร่ง และแสดงให้ผู้อ่านเห็นตาม ถ้าความหมายกระจัดกระจายอยู่ ก็พยายามประติดประต่อให้เป็นรูปเค้าพอที่ผู้อ่านจะเข้าใจได้ แสดงหลักศิลปะและแนวคิดของผู้ประพันธ์ ซึ่งเป็นแนวทางในการเขียนหนังสือนั้น นอกจากนั้น จะต้องเผยให้เห็นความสำคัญระหว่างส่วนประกอบต่าง ๆ ของงานนั้น และชี้ให้เห็นด้วยว่า แต่ละส่วนนั้นมีความสำคัญต่อส่วนรวมเพียงใด รวมความว่า การวิจารณ์คือ การแสดงให้เห็นว่า หนังสือนั้นมีลักษณะอย่างไร ทั้งในส่วนเนื้อเรื่อง ความคิดเห็น และทำนองแต่ง เมื่อได้อธิบายลักษณะของหนังสือให้ผู้อ่านเข้าใจแล้ว จึงวินิจฉัยลงไปว่า หนังสือนั้นดีหรือไม่ดีอย่างไร ควรจัดเข้าไว้ในชั้นไหน (วิทย์ ศิวศริยานนท์. ๒๕๑๘ : ๒๑๗-๒๑๘)
ขั้นตอนของการวิจารณ์ในการเขียนวิจารณ์นั้น เราอาจแบ่งได้เป็น ๓ ขั้นตอนดังนี้ คือ การสรุปแนวคิดและสาระของเรื่อง การวิเคราะห์กลวิธีการแต่ง และการประเมินคุณค่า
๑. การสรุปแนวคิดและสาระของเรื่อง แนวคิดของเรื่อง คือ แก่นหรือจุดสำคัญของเรื่องซึ่งเป็นหลัก เป็นแกนกลางของเรื่องนั้น เราสามารถจะหาได้ จากการศึกษาส่วนประกอบอื่น ๆ ของเรื่องสั้น เช่น โครงเรื่อง ภาษา ฉาก ตัวละคร บทสนทนา เป็นต้น ข้อสังเกต คือ แนวเรื่องนี้มักมีความสำคัญ เชื่อมโยงกับ ชื่อเรื่อง ดังนั้นสำหรับผู้วิจารณ์ที่เพิ่งหัด อาจจะใช้ชื่อเรื่องของงานวิจารณ์เป็นแนวสังเกตของเรื่องได้ด้วย ส่วนสาระของเรื่องนั้น คือ เนื้อหาอย่างคร่าวซึ่งไม่ใช่การย่อความ เนื่องจากผู้วิจารณ์สามารถนำข้อความ ตลอดจนคำพูดของตัวละครในเรื่องที่วิจารณ์ มาเขียนประกอบไว้ ในสาระของเรื่องได้ เพื่อช่วยให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น
๒. การวิเคราะห์กลวิธีการแต่ง ขั้นที่ ๒ นี้ เป็นการใช้เทคนิคและศิลปะอันเป็นความรู้ และฝีมือที่ผู้เขียนสามารถถ่ายทอดความรู้และ อารมณ์สะเทือนใจ มาสู่ผู้อ่าน เช่น การใช้คำ การใช้ภาพพจน์ การใช้โวหาร อุปมาอุปไมย เป็นต้น ศิลปะในการใช้ภาษาในแบต่างๆ นี้ ผู้วิจารณ์สามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับ งานวิจัยนั้น ๆ เพื่อที่จะสื่อความเข้าใจและอารมณ์มาสู่ผู้อ่านได้อย่างสมบูรณ์ที่สุด นอกจากกลวิธีการแต่ง และศิลปะการใช้ภาษาดังกล่าวแล้ว อาจจะใช้ศิลปะการสร้างเรื่อง อาจแยกได้เป็นการเขียนโครงเรื่อง ตัวละคร ฉาก ฯลฯ ซึ่งศิลปะการสร้างเรื่องนี้ มักใช้ในงานเขียนที่เป็นเรื่อง เช่น นวนิยาย เรื่องสั้น บทละคร เป็นต้น
๓. การประเมินคุณค่า เป็นขั้นสุดท้ายของการวิจารณ์ เมื่อผู้วิจารณ์ได้ศึกษาการเขียนในขั้นตอนที่ ๑ และขั้นตอนที่ ๒ แล้ว ผู้วิจารณ์สามารถ แสดงความคิดของตน อย่างมีเหตุผลได้อย่างเต็มที่ เพื่อประเมินคุณค่าของงานเขียนนั้น การประเมินคุณค่าทางงานเขียนแบ่งได้เป็น
๓.๑ ด้านความคิดริเริ่ม งานเขียนบางเรื่องอาจจะไม่มีคุณค่าทางวรรณศิลป์เด่น แต่เป็นงานเขียนที่มีความคิดริเริ่มก็มักจะได้รับการยกย่อง ดังจะเห็นได้จากเรื่อง "ความพยาบาท" ของ แม่วัน ได้รับการยกย่อง เพราะเป็นหนังสือนวนิยายเล่มแรก ที่แปลมาจากต้นฉบับภาษาต่างประเทศ หรือสุนทรภู่คิดแต่งกลอนแปด ที่มีสัมผัสในแพรวพราวจนเป็นที่นิยมกันมาจนถึงปัจจุบัน ก็ได้รับการยกย่องความคิดริเริ่มนั้น หรือพระมหามนตรี (ทรัพย์) แต่งเรื่อง "ระเด่นรันได" ล้อเลียนภาพสังคมในสมัยรัชกาลที่ ๒ ซึ่งกวีในสมัยก่อนน้อยคนนักจะกล้าทำ ท่านก็ได้รับการยกย่องที่มีความคิดริเริ่มเช่นนั้น เป็นต้น
๓.๒ ทางด้านวรรณศิลป์ คือ การประเมินคุณค่าทางด้านศิลปะการใช้ภาษาและการสร้างเรื่อง ศิลปะการใช้ภาษานี้ถ้าได้ศึกษาอย่างละเอียด ก็สามารถทราบความสามารถของผู้แต่งในเรื่องการเลือกใช้คำ ว่ามีความไพเราะและสื่อความหมายได้เหมาะสม จนสามารถ โน้มน้าวผู้อ่าน ให้เกิดความคิดเห็นคล้อยตาม ตลอดจนเกิดอารมณ์สะเทือนใจได้ตรงตามจุดประสงค์ของผู้แต่งเพียงใด ศิลปะการสร้างเรื่องนี้ ถ้าส่วนประกอบของเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น โครงเรื่อง บทสนทนา ตัวละคร ฉาก ฯลฯ มีการประสานกลมกลืนกันอย่างงดี และมุ่งให้ผู้อ่านเกิดความคิดไปสู่แนวทางที่เป็นเป้าหมายของเรื่องแล้ว ก็นับว่าเป็นเรื่องที่มีศิลปะการสร่างเรื่องที่สมเหตุสมผล สามารถให้ผู้อ่าน เข้าถึงอารมณ์สะเทือนใจได้ จึงถือเป็นศิลปะที่มีคุณค่าทางวรรณศิลป์ได้ด้วย
๓.๓ คุณค่างานที่มีต่อสังคม งานเขียนเป็นสิ่งที่คนในสังคมสร้างขึ้นมา ฉะนั้นผลของงานเขียนที่มีต่อสังคมจึงเป็นสิ่งที่มีคุณค่าควรศึกษา อันได้แก่
๓.๓.๑ คุณค่าทางด้านความเพลิดเพลิน เป็นคุณค่าหนึ่งที่สำคัญ เพราะจะเป็นสื่อนำผู้อ่านให้เกิดความสนใจเรื่อง เป็นการชักจูงขั้นต้น ฉะนั้นงานเขียนใดมีแต่สาระไม่มีความเพลิดเพลินแฝงไว้สำหรับผู้อ่าน ผู้อ่านมักจะไม่สนใจอ่านตั้งแต่ต้น งานเขียนนั้นก็ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่ผู้แต่งตั้งไว้ได้เลย
๓.๓.๒ คุณค่าทางด้านความคิด เป็นคุณค่าที่เกิดจาดอิทธิพลความคิดเห็นของผู้แต่ง ซึ่งปรากฏอยู่ในงานเขียน อันมีอิทธิพลต่อความคิดของผู้อ่านในสังคมนั้น ทั้งนี้อาจจะรวมถึงอิทธิพลที่ผู้แต่งได้รับมาจากสังคมด้วยก็ได้ คุณค่าทางด้านความคิดนี้นับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้งานเขียนมีคุณค่ามากขึ้นการประเมินคุณค่าทางงาน เขียนนั้น ถ้ามีเพียง ๒ ส่วนประกอบกันอย่างเหมาะสม ก็จะช่วยให้งานเขียนนั้นเด่นขึ้น จึงนับว่าคุณค่าทั้ง ๒ ประการเป็นคุณค่าที่มีความสำคัญซึ่งกันและกัน

วันจันทร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2552

แนะนำตัว


ชื่อ กรรณิกา แสงฉาย


ชื่อเล่น กุ๊ก รหัส 50003155005


เรียนคณะครุศาสตร์ โปรแกรม วิชา ภาษาไทย

เกิดวันอาทิตย์ ที่ 23 เมษายน 2532


สถานะ โสดสนิทค่ะ


สนใจติดต่อ 080-5510230


งานอดิเรก นอน ฟังเพลง ดู TV.